สมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รวมพลังบริจาคโลหิต
สมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รวมพลังบริจาคโลหิต
สมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท พระรามเก้าฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด และ บริษัท ปิ่นเกล้า ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด เปิดคลินิกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ภายใต้ “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสปีที่ 4 แห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก” และแสดงพลังความสามัคคีของศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในการทำความดี แบ่งปัน เพื่อสังคม โดยมีผู้ปกครองและศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ตลอดจนประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคโลหิต ณ โชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ ฮอนด้า พระราม 9
ดร.ศศมณฑ์ สงวนสิน นายกสมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พระรามเก้าฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด และบริษัท ปิ่นเกล้า ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด กล่าวว่า เนื่องด้วยมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ได้ร่วมกับ แพทยสภา และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.รุ่นที่ 9) จัดทำโครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีเป้าหมายตรวจสุขภาพให้กับประชาชนและพระภิกษุสงฆ์ 12 สาขาเฉพาะทางที่ให้บริการ ดังนี้ 1. คลินิกฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) 2. คลินิกหัวใจและหลอดเลือด 3. คลินิกมะเร็งเต้านม (Mammography) 4. คลินิกกระดูกและข้อ 5. คลินิกตรวจสุขภาพและโรคทั่วไป 6. คลินิกรับบริจาคโลหิต 7. คลินิกโรคระบบทางเดินปัสสาวะ 8. คลินิกผิวหนังและLASER 9. คลินิกจักษุ 10. คลินิกทันต กรรม 11. คลินิกผ่าตัดหู และ 12. คลินิกกฎหมาย โดยนำแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ขาดโอกาสในจังหวัดนครปฐม ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 29 – 30 เมษายน 2565 ณ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม และได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีศักยภาพออกหน่วยคลินิกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
สมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จึงร่วมกับ บริษัท พระรามเก้าฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด และบริษัท ปิ่นเกล้า ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด เปิดคลินิกรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ณ โชว์รูมและศูนย์บริการ รถยนต์ ฮอนด้าพระราม 9 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นโอกาสให้ศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ได้แสดงพลังแห่งความสามัคคีทำความดีเพื่อสังคมตามพันธกิจของสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันกำหนดขึ้นภายใต้แนวคิด “เอ็มเพาเวอริ่ง ทูเก็ตเธอร์” (Empowering Together) สะท้อนถึงการเป็นโรงเรียนสตรีล้วนที่มีความเป็นกุลสตรี นอบน้อม อ่อนโยนทว่าแข็งแกร่ง และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีดีให้เกิดขึ้นมากมายยามรวมพลังกัน โดยครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าว เดินทางมาร่วมบริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทยจำนวนกว่า 100 คน
ผศ.ศิริพร มณีพันธุ์ อุปนายกสมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ศิษย์รุ่นฮาร์โมเนียส (Harmonious) หนึ่งในผู้ที่เดินทางมาร่วมบริจาคครั้งนี้ กล่าวว่า ส่วนตัวร่วมบริจาคโลหิตเป็นประจำ เพราะการบริจาคเลือดเป็นการช่วยเหลือชีวิตคนได้หลายคน เป็นการช่วยเหลือสังคมโดยไม่ต้องลงทุน และไม่เกิดผลเสียใด ๆ ต่อร่างกาย ซึ่งต้องขอชื่มชมในจิตอาสาของหลาย ๆ ท่านที่มาร่วมบริจาคโลหิตทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ผู้ปกครอง รวมถึงคนทั่วไปที่พอทราบข่าวก็มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ขณะที่ศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ รุ่นธนูทอง คุณน้ำค้าง พึ่งทอง ประธาน บมจ. PPP Prime และที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจของศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์และผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเดินทางมาบริจาคโลหิตด้วยตัวเองและชักชวนคนรู้จักมาร่วมกันบริจาคโลหิต ส่วนคนที่ไม่สามารถบริจาคได้ก็ร่วมสนับสนุนในด้านอื่น ๆ อาทิ นำน้ำเคลสกัดเย็นมาแจก เป็นต้น เช่นเดียวกับตัวเองที่ไม่สามารถร่วมบริจาคเลือดได้ จึงนำกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิจำนวน 50 อันมาร่วมแจกเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากมีคนจำนวนมากที่อยากบริจาคเลือด แต่ไม่สะดวกในการเดินทางไปบริจาคที่สภากาชาดไทย การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงถือเป็นการแสดงพลังความสามัคคีของศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์และเป็นสะพานบุญให้แก่ผู้ที่มีจิตกุศลได้บริจาคโลหิตสมความตั้งใจด้วย
ด้าน คุณรัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์ แม้ไม่ใช่ศิษย์โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์แต่เดินทางมาร่วมบริจาคโลหิตในครั้งนี้ เผยว่า ที่ผ่านมาเห็นความสำคัญของการบริจาคเลือดเป็นประจำทุก 3 เดือน และพยายามบริจาคเลือดทุกครั้งที่มีโอกาส แม้ว่าครั้งนี้ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ตามความตั้งใจ เพราะนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ผ่านการสกรีนนิ่ง แต่อยากร่วมเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปที่มีความพร้อมทางร่างกายหมั่นบริจาคเลือดเป็นประจำทุก 3 เดือน โดยเฉพาะปัจจุบันสภากาชาดไทยขาดแคลนโลหิตสำรองเป็นจำนวนมากเนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้มีผู้บริจาคโลหิตน้อยลง